บาเซโลนา [OPINION] หรือ บาร์เซโลนา กำลังจะกลายเป็น ‘นิว

บาเซโลนา ให้หลังราว 10 ปีนับจากยุคทองของ บาเซโลนา บาร์เซโลนา ภายใต้การคุมทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอลา ที่พาทีมคว้า เทรเบิลแชมป์ พวกเขาดูเหมือนว่ากำลังประสบปัญหารุมเร้าทั้งภายในและนอกสนามจนอาจทำให้นับถอยหลังรอถึงวันแตกหักอีกไม่นานและอาจตามรอย เอซี มิลาน กลายเป็นทีมที่หวนหาความยิ่งใหญ่ในอดีตเรื่องราวปฎิเสธการต่อสัญญาฉบับใหม่ของ ลิโอเนล เมสซี ซึ่งสัญญาฉบับปัจจุบันของเจ้าตัวกับต้นสังกัดจะสิ้นสุดลงในปี 2021 นี้จากการไม่สบอารมณ์บอร์ดบริหารนักเป็นเพียงยอดบนภูเขาน้ำแข็งก้อนโตหากเราไล่เรียงไทม์ไลน์ ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ทัพอาซูลกรานา เพิ่งจะตัดสินใจจัดการดีลสลับขั้ว อาร์ตูร์ เมโล กับ มิราเล็ม เปียนิช อย่างค้านสายตา, กล้องถ่ายทอดสดที่จับภาพได้ว่า เมสซี และแข้ง บาร์ซา ไม่สนใจการติวของ เอแดร์ ซาราเบีย ในฐานะผู้ช่วยโค้ชของ กิเก้ เซเตียน ชนิดที่กุนซือชาว สเปน ทำได้เพียงแค่เกาหัว เมื่อประกอบกับการหลุดเสมอในเกม ลา ลีกา มา 2 เกมล่าสุดจนพลาดท่าถูก เรอัล มาดริด ขยับทำแต้มหนีห่างไปเป็น 4 คะแนนก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ดูจะยิ่งเลวร้ายมากขึ้นทุกวันอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ความยิ่งใหญ่ของ บาเซโลนา บาร์เซโลนา กลับกลายเป็นสิ้นมนต์ขลังและไม่ได้อยู่ในสถานะเดียวกันกับเมื่อ 10 ปีก่อนอีกต่อไป? บาเซโลนา

การตัดสินใจเลือกหัวเรือใหญ่ บาเซโลนา

แม้ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ จะรับไม้ต่อจาก หลุยส์ เอ็นริเก้ ด้วยการประเดิมพาทีมคว้าดับเบิลแชมป์ทั้ง ลา ลีกา และ โคปา เดล เรย์ ได้สำเร็จนับตั้งแต่ซีซันแรก แต่สไตล์การเล่นที่เน้นความรัดกุม ปลอดภัยไว้ก่อนก็ได้เริ่มต้นกลายเป็นหอกกลับมาทิ่มแทงพวกเขาในฤดูกาลนั้นเช่นกันด้วยการกล้าบุกไปปราชัยต่อ โรมา ที่ สตาดิโอ โอลิมปิโก ถึง 3-0 หลังจากเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะมาได้ในเลกแรก 4-1 ส่งผลให้ บาร์ซา ตกรอบด้วยกฎประตูทีมเยือนในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเมื่อแท็คติกเน้นเกมรับของ บัลเบร์เด้ ถูกทัพ หมาป่า กระชากกระจุยซีซันถัดมา พวกเขายังสามารถรักษาถ้วยแชมป์ ลา ลีกา เอาตัวรอดไปได้เมื่อ เรอัล มาดริด คู่แข่งตัวเอ้ตัดสินใจปลด ฆูเลน โลเปเตกี ออกกลางคัน ต่อด้วยการใช้ ซานติเอโก้ โซลารี ขัดตาทัพอีก 5 เดือนและลงเอยด้วยการย้อนกลับไปใช้บริการ ซีเนดีน ซีดาน ในที่สุดอย่างไรก็ตาม ความไม่เด็ดขาดของ บัลเบร์เด้ ก็ตามมาหลอกหลอนสาวก อาซูลกรานา อีกครั้งใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อการจัดทีมแบบกล้าๆ กลัวๆ ของเขาทำให้ถูก ลิเวอร์พูล กระหน่ำยิง 4-0 ในการแข่งขันเลกที่ 2 ที่ แอนฟิลด์ ร่วงรอบตัดเชือกถ้วย บิ๊กเอียร์ ชนิดที่ถูกคู่ต่อสู้คัมแบ็คแซงสำเร็จอีกครั้ง ต่อเนื่องด้วยการอกหักในศึก โคปา เดล เรย์ นัดชิงชนะเลิศต่อ บาเลนเซีย ในอีกไม่กี่สัปดาห์ถัดมาบอร์ดบริหารของ บาร์เซโลนา ต้องใช้เวลาอีกราวครึ่งปีก่อนที่จะตัดสินใจปลด เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ออกจากตำแหน่งและประกาศเอา กิเก้ เซเตียน เป็นกุนซือคนใหม่แทนที่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาแม้ เซเตียน จะมีช่วงเวลาที่ทำให้ บาร์ซา กลายมาเป็นทีมที่เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บอีกครั้ง แต่ในอีกทางหนึ่ง เครื่องหมายคำถามตัวโตๆ ก็ผุดขึ้นด้วยเช่นกันเมื่อยักษใหญ่แห่งแดน คาตาลัน ไร้ซึ่งความเด็ดขาดในการปิดเกม รวมไปถึงการตัดสินใจในเกมล่าสุดที่ดร็อป อ็องตวน กรีซมันน์ ในแมตช์เสมอ แอตเลติโก มาดริด 2-2 ก่อนจะส่ง กรีซมันน์ ลงสู่สนามในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งหลัง บาเซโลนา

ภาวะสูญเสียห้องแต่งตัวของผู้จัดการทีม บาเซโลนา

เป๊บ กวาร์ดิโอลา และ หลุยส์ เอ็นริเก้ คือ 2 ผู้จัดการทีมที่พา บาร์เซโลนา ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร และทั้ง 2 คืออดีตผู้เล่นของพวกเขาแม้การเลือกใช้อดีตนักเตะของสโมสรมารับตำแหน่งกุนซืออาจไม่สามารถการันตีความสำเร็จแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ได้แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนคือการที่เขาจะได้รับการยอมรับจากบรรดานักเตะในห้องแต่งตัว โดยเฉพาะกับทีมที่มีแข้งซูเปอร์สตาร์ล้นทีมอย่าง บาร์ซาอดีตโค้ชอย่าง บัลเบร์เด้ เคยแสดงให้เห็นถึงปัญหาภาวะผู้นำที่เขาประสบมาแล้วเมื่อ เจราร์ด ปิเก้ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าทีมเจอกับปัญหาสภาพจิตใจ ขาดความเชื่อมั่นหลังจากเกมถูก โรมา คัมแบ็คเอาชนะใน แชมเปี้ยนส์ลีก จนส่งผลเรื้อรังต่อแมตช์ปราชัย ลิเวอร์พูล ที่ แอนฟิลด์ ซึ่งหน้าที่ของผู้เป็นหัวเรือใหญ่ของทีมนอกจากการจัดรูปแบบการฝึกซ้อมอันจะส่งผลถึงรูปแบบแท็คติกการเล่นในสนามแล้วยังนับรวมไปถึงการกระตุ้นสภาพจิตใจของลูกทีมให้ก้าวช้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากเพื่อกรุยทางสู่ความสำเร็จต่อไปบัลเบร์เด้ สอบตกในหัวข้อดังกล่าว และดูเหมือนว่า เซเตียน กำลังจะตามรอยเขาไปจากช็อตเกาหัวล่าสุด บาเซโลนา